เสริมความงาม ร้อยไหมละลาย แฟชั่นสไตล์วัยรุ่นเกาหลี
ร้อยไหมละลาย แฟชั่นสไตล์วัยรุ่นเกาหลี |
ร้อยไหมละลาย กลายเป็นแฟชั่นที่กำลังมาแรงและกลายเป็นศัลยกรรมที่กำลังระบาดมากที่สุดในปัจจุบัน ถือเป็นที่นิยมของสาวๆ เลยทีเดียวเีชียว ซึ่งการใช้ไหมละลาย หรือ PDO (Polydioxanone) เป็นเทคนิคจากประเทศเกาหลี ถือได้ว่าเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับเสริมความงาม ความเต่งตึงให้กับใบหน้า คิ้ว แก้มที่หย่อนยาน หย่อนคล้อย โดยไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือพักฟื้นเป็นเวลานานๆ อีกทั้งไม่ต้องเจ็บตัวมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทำให้ผู้คนหันมาเทรนด์ตามแฟชั่นร้อยไหมละลายค่อนข้างจะมาก
ระยะเวลาในการร้อยไหมประมาณ 30 นาที ค่อนข้างเห็นผลไว มีอาการเจ็บและบวมน้อยมาก หลังจากทำการร้อยไหมแล้วจะไม่มีแผล โดยคนไข้ไม่ต้องพักฟื้น สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่อาจจะต้องแต่งหน้าช่วย เพื่อปิดรอยช้ำเล็ก ๆ จากการร้อยไหม หลังจากการร้อยไหม เส้นไหมจะเข้าไปสร้าง คอลลาเจน บริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้น รู้สึกกระชับ ใบหน้าดูเปล่งปลั่งทันที ผิวพรรณจะกระจ่างใสภายใน 2 สัปดาห์ และร่างกายสามารถกำจัดไหมได้หมดภายใน 6 เดือน ขณะที่ผลของการร้อยไหมจะคงสภาพได้นาน 1 ปี ที่สำคัญไม่ต้องเจ็บตัวกับการผ่าตัดอีกต่อไป และมีความปลอดภัยสูง โดยมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 9,000 บาท จนถึงหลัก 100,000 บาท หากทำยกเซตทั้งใบหน้ารวมถึงคางและคอ
แต่อย่างไรก็ตาม อะไรที่เกิดจากการปรุงแต่ง อาจจะมีข้อดี ข้อเสีย ที่สาวๆไม่ควรวางเฉย ควรต้องพิจารณามาตรฐานในการทำ ดูให้รอบคอบ เพราะอยากสวย จริงๆ แล้วก็ต้องเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้น สาวๆยุคใหม่จำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดอย่างรู้เท่าทันนะจ๊ะ
ข้อดีของการร้อยไหม
นอกจากราคาไม่แพงมากเท่ากับการผ่าตัดแล้ว ยังเห็นผลได้รวดเร็ว และทำเพียงครั้งเดียว เจ็บไม่มาก
ขั้นตอนการทำ ต้องฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการประมาณ ครึ่งชั่วโมง จากนั้นแพทย์จะนำเส้นไหมที่อยู่ตรงปลายเข็มเข้าไปยึดตามเนื้อเยื่อผิว โดยจะใช้วิธีการร้อยเรียงเส้นไหม ให้เข้ากับโครงใบหน้าของคนไข้แต่ละคน หลังจากทำไปแล้วสักครึ่งชั่วโมง จะเห็นผลทันทีว่าผิวบริเวณที่ร้อยไหมนั้นกระชับขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ผิวหน้าดูเรียบ กระจ่างใสขึ้น
เข็มร้อยไหมละลาย |
รวมข้อดีหลายๆข้อ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง ผิวสุขภาพดี รูขุมขนและใบหน้ากระชับขึ้น
- ลดริ้วรอยต่างๆได้อย่างชัดเจน
- ให้หน้าเป็นรูปเรียบสวยตามต้องการ
- ปรับรูปจมูกให้สวยได้ตามต้องการ
- ปรับหางตา คิ้ว มุมปาก ที่ตกให้สวยงามขึ้น เสริมคางให้แหลมขึ้น
- ช่วยให้ผิวดูสดชื่น มีน้ำมีนวล
- ช่วยให้ต้นแขน ต้นขา หน้าท้องกระชับยิ่งขึ้น
- หลังจากร้อยไหม ไม่ต้องพักฟื้น
- การทำไม่เจ็บมากเท่ากับการผ่าตัด
- ไม่ต้องผ่าตัดเอาไหมออก เนื่องจากไหมสามารถละลายได้นั่นเอง
นพ.วรพจน์ ศิรามังคลานนท์ แห่งเฮอร์ทิจูดคลินิก อธิบายว่า การร้อยไหมละลาย ใต้ผิวหน้าเพื่อความกระชับเต่งตึง ได้รับความนิยมมากในขณะนี้ เนื่องจากเพิ่งผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของไทยมาหมาดๆ สามารถทำได้ตั้งแต่คนอายุ 20-30 ปี หรือผู้สูงอายุก็สามารถทำได้
"หลายคนคิดถึงคนแก่เป็นหลัก แต่ผมอยากบอกว่าคนอายุน้อย 20-30 ปีก็ทำได้ สาวเกาหลีนิยมทำให้หน้าเรียวขึ้นเป็นวี เชฟ(V-Shape) แต่ต้องเป็นกรณีที่เหมาะสม คนที่จะยกกระชับหน้าให้เรียวด้วยไหมละลายต้องเป็นคนที่มีแก้ม แบบหยิกแก้มแล้วแก้มยุ้ยจังเลย แก้มกลมๆ ยกกระชับแล้วหน้าจะเรียวสวยมาก แต่ถ้าแก้มตอบ ตรงนี้กระดูก ตรงนั้นก็กระดูก ตรงโน้นก็กล้ามเนื้อ ยกกระชับด้วยไหมละลายจะไม่ค่อยเห็นผล
"ส่วนคนที่อายุ 40 ปีขึ้น เริ่มมีร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก มุมปากตก ทำให้ดูแก่ หรือบางคนที่เริ่มมีคางสองชั้นห้อยลงมา มีเหนียง หรือคิ้วเริ่มตก เห็นตาสองชั้นไม่ชัดเจน หางตาตก หรือคนที่มีรอยหางตา แต่ไม่อยากฉีดโบท็อกซ์ ก็มาใช้วิธีร้อยไหมละลายเพื่อช่วยลดรอยได้"
นพ.วรพจน์บอกอีกว่า พอพูดถึงร้อยหน้าด้วยไหม หลายคนนึกถึงการร้อยทอง จริงๆ แล้วการร้อยไหมเป็นนวัตกรรมใหม่กว่า ช่วยยกกระชับหน้าด้วยเส้นด้ายที่ใช้เย็บเวลาผ่าตัด ซึ่งพอครบเวลากำหนดจะละลายหายไปจากร่างกายเอง โดยไม่ต้องตัดไหม เหมือนตอนผู้หญิงผ่าคลอด คุณหมอจะเย็บไหมละลายให้ ไม่ต้องตัดไหม ไหมจะละลายไปเอง ไม่มีรอยข้างนอกเลย
ภาพแสดงการร้อยไหม |
สำหรับปัญหาที่มักพบ ทั้ง "บวม-ฟกช้ำ-หน้าสองข้างไม่เท่ากัน"
คุณหมอคนเก่งอธิบายว่า หลังทำอาจมีอาการ
1. บวม เนื่องจากมีการใช้เข็มร้อยเข้าไป หน้าก็จะบวมเล็กน้อย สองสามวันก็หาย
2. อาจมีบางจุดเป็นรอยเขียวช้ำได้ แต่ก็เล็กน้อย สามารถใช้รองพื้นกลบได้ทันทีหลังทำ ซึ่งมักเกิดขึ้นกับคนที่กินยาอาหารเสริม เช่น แอสไพริน, น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส, น้ำมันปลา, แปะก๊วย, วิตามินอี ฯลฯ ทำให้เลือดหยุดไหลช้า จึงเกิดอาการฟกช้ำง่าย
"ปัญหาที่พบมักเป็นเรื่องทำแล้วผิวหน้าสองข้างไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่เกิดจากคนไข้ที่หน้าไม่เท่ากันแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีแก้มสองข้างไม่เท่ากัน เมื่อร้อยไหมละลายเข้าไปแล้ว ผลลัพธ์ออกมาก็ไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม หลังจากทำไปแล้ว 1 เดือน ปกติคุณหมอจะนัดคนไข้ตรวจเพื่อเก็บตกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจยังไม่เพอร์เฟ็กต์ หมอจะร้อยไหมเพิ่มเติมให้"
นอกจากการใช้ไหมละลายแล้ว ยังต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการยอมรับ อย่างคุณหมอเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จาก Obagi Medical ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกามาเกือบ 30 ปี เป็นผลิตภัณฑ์อันดับ 1 ที่แพทย์เป็นผู้แนะนำและเลือกใช้ในการรักษา โดยผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มดูแลสุขภาพผิว เน้นการป้องกัน และ/หรือการแก้ไขสภาพผิวจากปัญหาต่างๆ
แม้จะใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพดีแค่ไหน แต่คุณหมอหนุ่ม แห่งเฮอร์ทิจูดคลินิก ก็ย้ำว่า สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับความสวยความงามคือ
การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เช่น การรับประทานอาหาร การพักผ่อนเพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน เวลา 15.30-16.30 เสวนา ย้อนวัยด้วยไหมละลาย เทรนด์ใหม่จากเกาหลี โดย นพ.วรพจน์ ศิรามังคลานนท์ และแขกรับเชิญพิเศษ ต๊ะ-นารากร ติยายน ผู้ประกาศข่าว
ตำแหน่งของการร้อยไหมละลาย |
สำหรับข้อคิดฝากให้สาวๆนะจ๊ะ จาก...
นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รองผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง
การร้อยไหมดังกล่าวยังไม่มีผลการศึกษาแน่ชัดว่าเทคนิคดังกล่าวได้ผลจริงหรือไม่ และมีอันตรายมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในกรณีการร้อยไหมละลายที่มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องใช้ไหมจำนวนมากในการฉีดเข้าสู่ใบหน้า โดยปกติการร้อยไหมละลายแบบเดิมใช้เพียง 2-8 เส้นต่อแก้ม 1 ข้าง แต่หากเป็นการร้อยไหมละลายแล้ว จะใช้เส้นไหม 20-30 เส้นต่อแก้ม 1 ข้าง
ตัวไหมละลายมีความปลอดภัยจริงเพราะเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ถามว่าได้ผลตามที่โฆษณาจริงหรือไม่ ตรงนี้ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันในระยะยาวได้ เนื่องจากการยิงเส้นไหมเข้าไปในผิวหนัง เป็นธรรมดาที่จะเกิดการอักเสบ และอาการชอกช้ำนี้เองจะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่วนอายุของไหมละลายจะอยู่ได้ 6 เดือนถึง 1 ปี เมื่อไหมละลายสลายไปพร้อมกับอาการระบมทุเลา ผิวหน้าที่เคยตึงก็จะกลับมาหย่อนคล้อยอีกครั้ง ไม่ได้มีผลต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีอย่างที่มีการอวดอ้าง จึงอยากให้ผู้ที่ต้องการทำไตร่ตรองในหลายมิติ ทั้งค่าใช้จ่าย ผลข้างเคียง และช่วงระยะเวลาของการได้ผล
ขอขอบคุณข้อมูลและเครดิตจาก matichon,women.kapook